กมธ.พัฒนาการเมืองฯ จัดเสวนา “ผู้นำยุคใหม่ ห่วงใยบ้านเมือง
และการแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน 4 ภาค”
เพื่อสร้างจิตสำนึกในการรักษาวัฒนธรรมของไทย
วันที่ 20 ธันวาคม 2566
เวลา 09.00 นาฬิกา ณ ห้องประชุมสัมมนา B1-1 ชั้น B1 อาคารรัฐสภา
คณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา
ร่วมกับคณะอนุกรรมาธิการการมีส่วนร่วมของประชาชน
และคณะทำงานเตรียมความพร้อมการจัดเวทีเสวนาฯ จัดเสวนาเรื่อง “ผู้นำยุคใหม่
ห่วงใยบ้านเมือง และการแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน 4 ภาค”
โดยมี นายพลเดช ปิ่นประทีป โฆษกคณะกรรมาธิการฯ และประธานคณะอนุกรรมาธิการการมีส่วนร่วมของประชาชน เป็นประธานเปิดการเสวนา มีสมาชิกวุฒิสภา เครือข่ายครอบครัวการเมืองวิถีใหม่ เยาวชนจาก 4 ภูมิภาค ประกอบด้วย ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคใต้ เข้าร่วม โดยมี ศ.ดร. สุชาติ อุทัยวัฒน์ ประธานคณะทำงานเตรียมความพร้อมการจัดเสวนาเป็นผู้กล่าวรายงานถึงวัตถุประสงค์ของการจัดงานในครั้งนี้
นายพลเดช ปิ่นประทีป
โฆษกคณะกรรมาธิการการฯ และประธานคณะอนุกรรมาธิการการมีส่วนร่วมของประชาชน กล่าวว่า
การจัดงานครั้งนี้เยาวชนจะได้รับความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
และเป็นโอกาสอันดีที่จะได้เผยแพร่ Soft Power ด้านวัฒนธรรม คือ
การแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน 4 ภาค
ให้แก่ผู้เข้าร่วมการเสวนาและเป็นการสร้างพลังความสามัคคี
ไม่เกิดความแตกแยกทางการเมือง
รวมถึงเป็นจุดเริ่มต้นที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาการเมืองอย่างยั่งยืน
ถือเป็นโอกาสในการเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน 4 ภาค ที่เป็น Soft Power อันจะเป็นการสร้างพลังความสามัคคีอีกทางหนึ่งด้วย
ภายในงานเสวนามีการบรรยายพิเศษเรื่อง “การมีส่วนร่วมของเครือข่ายการเมืองวิถีใหม่
4 ภาค”
โดย นายพลเดช ปิ่นประทีป
โฆษกคณะกรรมาธิการฯ และประธานคณะอนุกรรมาธิการการมีส่วนร่วมของประชาชน
เวทีการเสวนาเรื่อง “ผู้นายุคใหม่ ห่วงใยบ้านเมือง”
ซึ่งมีการอภิปรายและแลกเปลี่ยนความเห็นจากผู้แทนเยาวชน 4 ภาค ประกอบด้วย ภาคเหนือ
ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ นอกจากนี้
ยังมีการแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน “กลองสะบัดชัยและฟ้อนขันดอก” จากภาคเหนือ
การแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน “มโนราห์และดีเกร์ฮูลู” จากภาคใต้
การแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน “ลำโทนและลิเก” จากภาคกลาง
และการแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน “หมอลำ หมอแคน เทิดพระเกียรติและกลองยาวชาวมหาสารคาม”
จากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ทั้งนี้การจัดเสวนาครั้งนี้เพื่อให้เยาวชนเกิดความรู้ความเข้าใจและทัศนคติที่ถูกต้องเกี่ยวกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
การใช้ Soft Power ด้านวัฒนธรรม
เป็นการสร้างพลังความสามัคคีส่งผลต่อการพัฒนาการเมืองอย่างมั่นคงและยั่งยืน
สร้างจิตสาธารณะให้ผู้นำรุ่นใหม่มีความรับผิดชอบ เสียสละเพื่อส่วนรวม
ยึดมั่นในจารีตประเพณี และความกตัญญูต่อสังคม การเสวนาครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมเสวนาทั้งสิ้น300
คนจากเครือข่ายทั้ง 4 ภาค.
นที บุญรอด/เพชรบูรณ์ไทม์